More

    ยลโฉมจริง! Mercedes-Benz GLC เอสยูวีหรูเจนใหม่เพียง 4.18 ล้านบาท

    Mercedes-Benz เปิดตัวรถยนต์ใหม่ในช่วงครี่งปีหลังนี้กับเอสยูวีหรูเจเนอเรชันใหม่ตอกย้ำยอดขายมากกว่า 2.6 ล้านคันกับ Mercedes-Benz GLC เจนที่ 3

    Mercedes-Benz

    Mercedes-Benz GLC เจเนอเรชันที่ 3 มาในรูปแบบรถยนต์ประกอบในไทยหรือ Local Production รหัส X254 นำเสนอคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” ชูภาพยนตรกรรมเหนือระดับโดยที่ยังคงจุดแข็งในด้านของการเป็นรถเอสยูวีที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ภายนอกมาพร้อมดีไซน์ตามปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่ผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัวตั้งแต่

    • ตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling
    • กระจังหน้าแบบ Star pattern กันชนหน้าดีไซน์ใหม่แบบ A-shape มาพร้อมไฟหน้า Digital Light LED ความละเอียดสูง 1.3 ล้านพิกเซล
    • เสริมความดุดันตามสไตล์รถ SUV ด้วยการตกแต่งด้วยราวหลังคาอลูมิเนียม
    • บันไดข้างแบบสแตนเลสดีไซน์สปอร์ต
    • ล้ออัลลอยแบบ AMG 5-Twin Spoke ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางหน้า 255/45R20 และยางหลัง 285/40R20
    • มอบความสะดวกสบายด้วยมิติตัวถังขนาดความยาว 4,721 มม. ความกว้าง 1,918 มม. ความสูง 1,631 มม. ระยะฐานล้อ 2,888 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 145 มม. น้ำหนักรถ 2,355 กก. ความจุถังน้ำมัน 62 ลิตร

    Mercedes-Benz

    ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ตผสมความหรูแบบ AMG Interior Package ที่มอบ Mood & Tone สไตล์สปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์

    • เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Seats ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อม memory seat 3 ตำแหน่ง
    • ระบบดันหลัง 4 ทิศทาง แบบ Lumbar support
    • แผงคอนโซลกลางใช้วัสดุแบบ High-Gloss Black สีดำเงา และ Metal Structure trim คอนโซลหน้าและแผงประตูหุ้มหนัง ARTICO man-made ตกแต่งลวดลายแบบ Nappa
    • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันเจเนอเรชั่นที่ 5 ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ พร้อมหุ้มด้วยหนัง Nappa
    • หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
    • ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® 3D surround sound system ที่ทรงพลังด้วยลำโพง 15 ตำแหน่ง
    • ไฟตกแต่งห้องโดยสารแบบ Premium Ambient Lighting ปรับได้ 64 เฉดสี
    • ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC
    • ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL ระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละออง PM 2.5
    • ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบ Wireless charging
    • เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 มีการดีไซน์พื้นที่บรรทุกสัมภาระใหม่แบบ Flat trunk floor ความจุสูงถึง 470 – 1,530 ลิตร

    Mercedes-Benzฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอีกหลายรายการที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน ผสานระบบการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่เหนือระดับในยุคดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อโดยมีการดีไซน์การใช้งานในรูปแบบ Digital cockpit เพิ่มความลงตัวในการควบคุมระบบต่างๆ ภายในรถ

    • ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Digital Instrument cluster ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอตรงกลางความละเอียดสูงขนาด 11.9 นิ้ว ควบคุมผ่านระบบสัมผัส ทำงานควบคู่กับ MBUX7 ที่สามารถเรียนรู้ผู้ใช้งานด้วยระบบ AI และปรับระบบการใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงการประเมินสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างระบบกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
    • ผสานการทำงานกับระบบ Mercedes me connect ในการเชื่อมต่อกับโลกของอินเทอร์เน็ตอย่างไร้ขีดจำกัด รองรับการสั่งงานด้วยเสียงถึง 27 ภาษา ทั้งยังปลอดภัยด้วยการเข้าใช้งาน User profile แบบ Fingerprint scanner ที่ใช้ลายนิ้วมือยืนยันผู้ใช้งานในตำแหน่งผู้ขับขี่ผ่านการเชื่อมข้อมูลใน Mercedes me PIN บนโทรศัพท์มือถือ
    • ระบบแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation แสดงผลแบบ 3 มิติ พร้อมระบบ MBUX Augmented Reality ที่ผสานเทคโนโลยี AR แสดงภาพสัญลักษณ์การนำทางบน Navigation display ที่แสดงภาพถนนจริง ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการนำทางมากยิ่งขึ้น

    Mercedes-Benzขุมพลังที่จำหน่ายในไทยเป็นเบนซินเทอร์โบ รหัส M254 ขนาด 2.0 ลิตร 4สูบ ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที

    • มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 136 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
    • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-Ion) ขนาด 31.2 kWh
    • เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร
    • วิ่งไกลสุด 120 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
    • สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.7 วินาที
    • ความเร็วสูงสุด 218 กม.ชม.

    Mercedes-Benz ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าหากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) 10-80% รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 60 kW จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) 0-100% จะใช้เวลาราว 2.45 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 11 kW ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC มาพร้อมช่วงล่างแบบ Comfort Suspension ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลแบบมีระดับ มาพร้อมช่วงล่างแบบ Comfort Suspension ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลแบบมีระดับ

    สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ครบครันพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยแบบ Active Safety อาทิ

    • ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE
    • ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
    • ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
    • แจ้งเตือนก่อนออกจากรถแบบ exit warning
    • ช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
    • รักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
    • รักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร
    • แจ้งเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
    • กล้องรอบคัน 360° ที่ให้การแสดงผลแบบ Transparent bonnet ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพจริงในจุดอับสายตาบริเวณหน้ารถ
    • ไฟหน้ารถติดตั้งเทคโนโลยียกระดับความปลอดภัยขั้นสูงแบบ DIGITAL LIGHT และ ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถส่องสว่างไกลถึง 650 เมตร
    • ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus)
    • ปรับไฟหน้าตามองศาการเลี้ยวรถ (Cornering light)

    นอกจากนี้ยังได้เสริมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่แบบออฟโรดในทุกเส้นทางด้วยการติดตั้ง OFF-ROAD Engineering Package สำหรับปกป้องตัวถังรูปแบบใหม่ที่แข็งแรงทนทานด้วยโครงสร้างแบบ underbody protection ควบคู่ไปกับหน้าจอแสดงผลที่สามารถรายงานทุกข้อมูลภายนอกตัวรถ

    Mercedes-Benz

    Mercedes-Benz GLC เจนที่ 3 จำหน่ายในไทยเพียงรุ่นเดียวคือรุ่น GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic โดยมีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีน้ำเงิน (Nautic Blue) สีเทา (Graphite Grey) สีเงิน (Mojave Silver) สีเงิน (High-tech Silver) และสีดำ (Obsidian Black) ในราคา 4,180,000 บาท

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts