More

    รู้ก่อนดื่ม!! โทษหนัก “เมาแล้วขับ 2565” ติดคุก-ปรับหลักแสน!!

    หลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงปีใหม่และได้มีการสังสรรค์ผ่อนคลายกันมาสักพัก ซึ่งทางภาครัฐก็ได้มีการอนุญาตให้ร้านอาหาร เปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้กันทั้งประเทศแล้ว ส่งผลให้หลายคนเริ่มออกมาปาร์ตี้กันบ่อยมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าหลังจากที่ห่างหายการสังสรรค์กันไปนาน จนกลับมาปาร์ตี้จัดเต็มกันได้อีกครั้งนั้น โทษ “เมาแล้วขับ” ยังคงอยู่นะจ๊ะ วันนี้มาดูกันดีกว่าว่าข้อกฎหมายโทษของการ “เมาแล้วขับ” นั้นจะหนักข้อขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่

    กฎหมายเมาแล้วขับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 200,000 บาท

    หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่ต่ำกว่า 6  เดือน – 2 ปี

     

    • สำหรับผู้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ขับขี่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือ ผู้ขับขี่ที่มีใบอนุญาตขับรถชั่วคราว (ใบอนุญาตแบบ 2 ปี) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท
      หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 21 พ.ศ. 2550 ออกความในพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ถือเป็น “ผู้เมาสุรา”
    • ปริมาณเแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน

    บทลงโทษ “เมาแล้วขับ” ตามกฎหมาย
    เมาแล้วขับ หรือ ปฏิเสธการเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 10,000 – 20,000 บาท ระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน และศาลสามารถสั่งพักใบอนุญาตขับรถ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และสามารถยึดรถไว้ไม่เกิน 7 วัน

    เมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่น “บาดเจ็บ” จำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

    เมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่น “บาดเจ็บสาหัส” จำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท ระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 2 ปี

    เมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่น “ถึงแก่ความตาย” จำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที

    เมาแล้วขับ ประกันรถยนต์จ่ายไหม??
    แบ่งออกเป็น 2 แนวทางเนื่องจาก ประกันรถยนต์มีทั้ง พ.ร.บ.รถยนต์ หรือ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 3+) แต่ละประเภทมีเงื่อนไขในการคุ้มครองที่แตกต่างกัน

    • กรณีที่ 1 พ.ร.บ.รถยนต์ คือคุ้มครองผู้เอาประกันรถยนต์และคู่กรณี โดยไม่พิสูจน์ความถูกหรือผิด ซึ่งจ่ายเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่ารักษาพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้เอาประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ จะไม่คุ้มครอง
    • กรณีที่ 2 ถ้าแอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ประกันรถยนต์จะคุ้มครองทั้งผู้เอาประกันและฝ่ายเสียหาย แต่ถ้าแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองผู้เอาประกัน แม้จะซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีเบี้ยสูงสุดก็ตาม

    ดังนั้นหากยังอยากดื่มไปอีกนาน ไม่ควรขับรถหลังจากดื่มแอลกอฮอล์จะดีที่สุด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรวางแผนหาที่พักบริเวณใกล้เคียง หรือนั่งรถโดยสารไปจะปลอดภัยกว่า อย่าคำนึงถึงแค่ความสนุกสนานของคน ๆ นึงเพราะมันอาจจะหมายถึงการสูญเสียของใครอีกหลายคน เพราะฉะนั้นมีสติไม่ประมาทกันนะคะ


    บทความที่เกี่ยวข้อง

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts