More

    6 รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ที่มีขายในไทย

    ในขณะที่“รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ Electric Vehicle (รถ EV) กำลังได้รับความสนใจ เพิ่มยอดนิยมอย่างรวดเร็วเข้ามาเรื่อยๆ ในวงการยานยนต์โลก และวงการยานยนต์ไทยขณะนี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ายอดจองล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเจ้าเหมียวน้อย ORA GOOD CAT เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่ ถล่มทลาย ถึงแม้ราคาจะไม่เบาสักเท่าไร แต่อย่ามองข้ามตัวเลือกอื่นๆ ถ้าเรายังอยู่ในยุคที่ไม่มีความแน่นอนของน้ำมันเชื้อเพลิง เดี๋ยวขึ้น เดี่ยวลงจนน่าใจหายอยู่บ่อยครั้ง ใครที่กำลังคิดได้ว่าจะอยากลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมัน หันมาใช้รถไฟฟ้าในเขตเมือง วันนี้เรารวบรวมรถที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ราคาถูก มาให้ถึง 6 รุ่น ไปดูกันเลยว่ามีคันไหนน่าสนใจบ้าง

    1.Wuling Hongguang MINI EV ราคา 369,000 บาท

    Wuling Hongguang MINI EV (วู่หลิง ฮงกวง) หรือ 五菱宏光 ในภาษาจีน เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Microcar นิยมอย่างมาสำหรับวัยรุ่นจีน ในปัจจุบันสามารถทำยอดขายถึงเดือนกันยายน 2021 มากกว่า 400,000 คันด้วยกันเลยทีเดียว ซึ่งในบ้านเราก็ได้นำเข้ามาจำหน่ายแล้ว และเป็นแบบพวงมาลัยซ้ายด้วย ในราคา 369,000 บาท (รวมภาษีอยู่ที่ 394,830 บาท) ราคาน่ารัก รถก็น่ารัก Wuling Hongguang MINI EV คันนี้ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 27 แรงม้าขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์มีขนาด 9.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6.5 ชั่วโมง) ขี่ได้ในระยะทางสูงสุดประมาณ 120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 13.9 kWh (กินเวลาชาร์จ 9 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งอีกหนึ่งตัวเลือก

     

    2. Takano TTE500 ราคา 490,000 บาท

     

    Takano (ทากาโน่) TTE500  รถกระบะไฟฟ้าขนาดจิ๋วน่ารักคันนี้ เห็นคันเล็กแบบนี้แต่สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 300 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว เหมาะสำหรับการใช้งานขนส่งของในเมืองอย่างมาก ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 กิโลวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 125 แอมป์ ขนาด 6 ลูก ใต้พื้นกระบะและเครื่องยนต์เบนซินขนาดจิ๋วช่วยปั่นไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100-120 กิโลเมตร โดยใช้เงินเพียง 30 บาท และสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 60 กม./ชม.

     

    3. Fomm ONE ราคา 499,900 บาท

    FOMM One (ฟอมม์ วัน) รถยนต์ไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมากและสามารถจดทะเบียนวิ่งบนถนนปกติได้ด้วย รูปทรงน่ารัก สีสันก็ดี เหมาะสำหรับนักศึกษาที่จะใช้ขับไปเรียน ไปเที่ยวเล่นในเมืองได้แบบชิวๆ FOMM One ใช้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel ขนาด 5 kW จำนวน 2 ตัว ให้แรงบิดรวมสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร สามารถชาร์จไฟจนเต็ม (0-100%) ในเวลา 6 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 160 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 80 กม./ชม. ถือว่าใช้ได้อยู่นะ

     

    4. MG EP ราคา 998,000 บาท

    MG EP (เอ็มจี อีพี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า Wagon ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ที่โตขึ้นมาและสามารถใช้งานได้เหมือนรถยนต์สันดาปทั่วไปทุกประการ ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ขนาดของห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอย ที่กว้างขวางรองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของ โดดเด่นด้วยสมรรถนะของ EV เทคโนโลยีที่ให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay ในด้านสมรรถนะจากเทคโนโลยี ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 8.8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport รวมทั้งมีระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ แบตเตอรี่ของ MG EP เป็นแบตลิเธียมไอออนแบบโมดูล ที่สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้อิสระ โดยมีขนาดความจุถึง 50.3 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จในรูปแบบ Normal Charge จาก 0-100% ผ่าน MG Home Charger ที่ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และรูปแบบ Quick Charge จาก 0-80% ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 40 นาที ดีขนาดนี้ในราคาไม่ถึงล้าน

    5. Nissan Leaf ราคา 1,499,000 บาท

    Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) “Simply Amazing” รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก เป็นระบบพลังงานไฟฟ้า “100%” มีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่กระโดดลงมาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ด้วยราคาที่แรงเอาเรื่อง เรียกได้ว่าเปิดก่อนได้เปรียบเลย เพราะยอดขายจากทั่วโลกนั้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที รองรับการขับขี่เป็นระยะทาง 311 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 kWh สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที

     

    6.ORA Good Cat (เปิดราคาอย่างเป็นทางการวันที่ 29 ตุลาคม 2564)

    หลังจากเปิดรับจองผ่านทางออไนไลน์ไปตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา จนมียอดจองมหาศาลถึง 4,296 คัน นับเป็นความสำเร็จของเจ้าเหมียวจอมซ่าอย่าง ORA Good Cat เก๋งท้ายตัดพลังไฟฟ้าล้วนนั่นเอง หน้าตาเหมือนแบรนด์รถยุโรปชั้นดีเริ่มตรา ORA ขนาดใหญ่ รับกับกระจังหน้าดีไซน์สุดคลาสสิกพร้อมระบบ Active Air Intake กันชนหน้าทั้งชิ้นแบบกลมกลืนพร้อมไฟหน้า LED ทรงตาแมว หรือ CatEye พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ล้ออัลลอยมีให้เลือกถึง 2 ขนาดตั้งแต่ 17 นิ้วพร้อมยาง 205/55R17 และ ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/50R18 ไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น กับท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ในรุ่น PRO และ UlTRA ตัวรถมีขนาดใหญ่โตออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ในมิติตัวรถความยาว 4,235 มม. ความกว้าง 1,825 มม. ความสูง 1,596 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม.และความสูงใต้ท้องรถ 145 มม. จากแพลตฟอร์ม ซึ่ง GWM LEMON E PLATFORM ที่ปรับมาใช้งานกับรถไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ

    ขุมพลังไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 143 PS แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น TECH และ PRO และแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ในรุ่น ULTRA รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW โดยระยะเวลาในการชาร์จ ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% – 80%) 45 นาที สำหรับรุ่น TECH และ PRO และ 60 นาที สำหรับรุ่น ULTRA โดยอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที พร้อมระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) Sport 3) ECO 4) ECO+ และ 5) อัตโนมัติ

    ORA Good Cat มีจำหน่ายในไทยทั้ง 3 รุ่นย่อย เริ่มที่รุ่น 400 TECH, 400 ULTRA และรุ่นท็อปสุด 500 PRO โดยทั้ง 3 รุ่น นี้ มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องจำนวนสี เริ่มที่รุ่นถูก 400 TECH มีสีภายนอก 2 สี แค่สีขาวกับสีดำ รุ่น 400 ULTRA มี 5 สี ทั้งสีขาว สีดำ สีฟ้า สีแดงหลังคาดำ และ สีขาวหลังคาดำ ส่วนรุ่นท็อป 500 PRO นอกจากใช้สีเดียวกับรุ่น 400 PRO ถึง 5 สี และเพิ่มมาอีก 2 สี รวม 7 สี ทั้ง สีชมพูอ่อนหลังคาดำ และสีเขียวหลังคาขาว โดยจะเปิดจำหน่ายและประกาศาราคา 29 ตุลาคม นี้


     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts