More

    เบากว่า เร็วกว่า! ถึงเวลาแล้วกับรถ Formula E Gen 3

    เผยโฉมออกมาเป็นที่เรียบร้อยสำหรับตัวแข่ง Formula E Gen 3 ซึ่งจะประเดิมสนามแรกในเดือนมกราคม ปี 2023 แน่นอนว่ามันทั้งเบาและเร็วกว่ารถแข่ง Gen 2 แต่จะมีจุดไหนเปลี่ยนไปบ้าง? ลองตามอ่านที่ด้านล่างได้เลย

    ตัวแข่ง Formula E Gen 3 ได้ถูกเผยโฉมในสุดสัปดาห์การแข่งขันที่โมนาโค ซึ่งทางผู้จัดการแข่งขัน FE กล่าวว่า มันจะเป็นตัวแข่งที่ถูกออกแบบและปรับแต่งให้เหมาะสมกับการแข่งขันแบบสตรีทเรซซิ่ง และเช่นเดียวกับฤดูกาลล่าสุดแต่ละทีมจะสามารถพัฒนาชุดระบบส่งกำลังได้เอง

    ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินเจ็ตขับไล่ รถแข่ง Gen 3 จึงมีรูปทรงภายนอกที่ปราดเปรียว ส่วนภายใต้ตัวถังนั้นได้มีการปรับปรุงสมรรถนะขึ้นโดยการเพิ่มกำลังและลดน้ำหนัก นอกจากนั้นยังมีระบบชาร์จไฟเร็วเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งทำให้เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเพิ่มระยะทางในการแข่งขันขึ้น

    Formula E Gen 3

    สำหรับตัวรถนั้นมีมิติที่ลดลงเล็กน้อย ความยาวและความกว้างถูกลดลงเหลือ 5,000 และ 1,700 mm ตามลำดับ ส่วนน้ำหนักรถถูดลดลงไปพอสมควร โดยน้ำหนักรถรวมนักแข่งนั้นลดลงเหลือเพียง 840 kg จากเดิม 900 kg

    แชสซีส์ยังคงรูปแบบเดิมที่เป็นค็อกพิทเปิดพร้อมเฮโลปกป้องส่วนศีรษะของนักแข่ง แต่ระบบส่งกำลังนั้นเปลี่ยนไปซึ่งรถคันใหม่นั้นจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งทั้งส่วนหน้าและหลังรถ แตกต่างจากรถแข่งปัจจุบันที่ติดตั้งและขับเคลื่อนเฉพาะเพลาหลัง

    มอเตอร์ด้านหน้านั้นจะให้กำลังออกมา 250 kW ในขณะที่ด้านหลังจะให้กำลัง 350 kW นอกจากนั้นทางผู้จัดยังได้กล่าวอีกว่า มอเตอร์ที่พวกเขาใช้จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 95% ไปใช้ในการขับเคลื่อน ซึ่งมันมีประสิทธิภาพสูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่เปลี่ยนพลังงานได้เพียง 40% และจะทำให้รถแข่งทำความเร็วสูงสุดได้ถึงระดับ 320 km/h

    Formula E Gen 3

    มอเตอร์ในส่วนหลังนั้นยังมาพร้อมกับระบบกู้คืนพลังงานจากเบรกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม โดยอ้างอิงจากทางผู้จัด พลังงานอย่างน้อย 40% ที่ใช้ในการแข่งขันจะมาจากระบบกู้คืนพลังงานจากเบรก MGU ซึ่งมันถูกผลิตมาจาก Atieva Technology Company ในเครือของ Lucid Motors group และด้วยการมาของ MGU ทำให้รถแข่ง Gen 3 ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเบรกหลังไฮดรอลิคอีกต่อไป

    ในส่วนของแบตเตอรี่นั้น ทางผู้จัดตั้งเป้าให้แบตเตอรี่ในรถเจนใหม่มีน้ำหนักเพียง 284 kg จากเดิมที่มีน้ำหนักถึง 384 kg สามารถชาร์จไฟเร็วได้ที่ 600 kW และจะสามารถใช้ในการแข่งขันได้ 30 วินาที

    สิ่งที่รถแข่ง Gen 3 ได้รับการผลักดันเป็นอย่างมากคือ ความยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่นชิ้นส่วนอย่างคาร์บอนไฟเบอร์นั้นจะสามารถนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือยางซึ่งเปลี่ยนเป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้ ทำให้วัสดุบนรถในตอนนี้เป็นวัสดุที่มีความยั่งยืนประมาณ 26%

    Formula E Gen 3

    อ้างอิง : motorauthority.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts