ไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะไม่รู้จักคำว่า “Porpoising” เพราะคำๆ นี้ได้หายไปจากวงการ Formula 1 กว่า 40 ปี หรือก็คือมันหายไปพร้อมกับการยุติการใช้ Ground Effect ตั้งแต่ยุค 80 ก่อนที่ Ground Effect จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในปีนี้
ในการทดสอบรถที่บาร์เซโลน่า แต่ละทีมนั้นต้องพบกับปัญหาอันแสนปวดหัว เมื่อรถของพวกเขามีการกระเด้งกระดอนในขณะที่วิ่งบนทางตรงหน้าพิทเลนด้วยความเร็วสูง ซึ่งการกระดอนนี้มีลักษณะคล้ายกับการกระโดดโต้คลื่น หรือลักษณะการกระโดดของโลมาเหนือผิวน้ำ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า Porpoising
Porpoising นั้นไม่ได้เกิดจากการเซตหรือปัญหาในระบบช่วงล่างอย่างที่หลายคนคิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้น แต่นี่คือศาสตร์แห่งแอโรไดนามิกส์ล้วนๆ เรารู้ว่าหลักการใช้อากาศในการสร้างแรงกดหรือดาวน์ฟอร์ซของรถนั้น อากาศที่ไหลผ่านด้านล่างของรถจะต้องมีความเร็วมากกว่าอากาศที่ไหลผ่านด้านบนของรถ นั่นจะทำให้อากาศข้างใต้ท้องรถมีความดันที่ต่ำกว่าอากาศด้านบนตัวรถ มันจึงเกิดเป็นแรงกดจากด้านบนลงมาบนตัวรถนั่นเอง
ทีนี้เมื่ออากาศด้านล่างยิ่งไหลผ่านตัวรถไปเร็วขึ้น แรงกดก็จะมีมากขึ้นตาม เมื่อรถแข่งวิ่งด้วยความเร็วสูง นั่นก็หมายความว่าอากาศจึงไหลผ่านด้านล่างของตัวรถด้วยความเร็วสูง แรงกดก็จะกดรถลงมามากขึ้น เป็นผลให้ระยะห่างจากพื้นแทร็คถึงพื้นรถลดลง ซึ่งมันเป็นการเพิ่มให้อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถให้เร็วขึ้นไปอีก และแน่นอนว่าแรงกดก็จะเพิ่มขึ้นจนกดรถลงมาอีก เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่ใต้ท้องรถอยู่ต่ำจนติดพื้นแทร็คมากๆ อากาศก็จะไม่สามารถไหลผ่านใต้ท้องรถได้สะดวกอีกต่อไป เกิดเป็นความดันอากาศใต้ท้องรถที่กลับมาเป็นค่าดั้งเดิม และนั่นทำให้ตัวรถเด้งกลับคืนมา ก่อนที่แรงกดจะเริ่มกดรถลงไปอีกครั้ง วนเป็นลูปแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดเป็นการกระดอนอย่างที่เราเห็นนั่นเอง
Bumpy road to the top for Charles Leclerc! 🤕#F1 pic.twitter.com/Z6a5e6d3bo
— Formula 1 (@F1) February 24, 2022
วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดของการกระดอนนี้คือ การเซตระดับความสูงของพื้นรถให้เพิ่มขึ้นมา แต่คงไม่มีทีมใดอยากทำเช่นนั้น เพราะนั่นหมายถึงดาวน์ฟอร์ซก็จะถูกลดทอนลงไปด้วยเช่นกัน ทำให้แต่ละทีมต้องเร่งหาผลลัพธ์แบบอื่นมาแก้ไข
สำหรับความรุนแรงของการกระดอนนั้นมีมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละทีม แน่นอนว่ามันเกิดจากแก่นในการออกแบบของแต่ละทีมที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะไซด์พอดและพื้นรถ นอกจากนั้นชิ้นส่วนที่อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างสปริงไฮดรอลิคยังถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้งานในปีนี้ ซึ่งมันเพิ่มระดับความยากในการแก้ปัญหาของทีมแข่งขึ้นไปอีก
ด้วยความที่ Porpoising มีความเกี่ยวโยงถึงระบบช่วงล่างและยาง นั่นทำให้การทดสอบในอุโมงค์ลมหรือการจำลอง CFD ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ทั้งหมด และทำให้การทดสอบที่บาห์เรนที่จะถึงนี้สำคัญมาก เพราะทีมแข่งจำเป็นที่จะต้องใช้การวิ่งจริงเพื่อที่จะดูว่าผลลัพธ์ที่พวกเขาคิดค้นมานั้นสามารถแก้ปัญหาได้อย่างที่พวกเขาต้องการหรือไม่ มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะต้องพบกับความยากลำบากในการแข่งขันจริงซึ่งสนามแรกจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากการทดสอบในบาห์เรนเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น
อ้างอิง : f1.com , motorsport.com , espn.com
